八字 (ปาจื้อ)
八字 ภาษาจีนกลางออกเสียง "ปาจื้อ"
คือวิชาทำนายดวงชะตามีที่มาจากประเทศจีน
โดยมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ครั้งโบราณนับพันปี "ปาจื้อ”
มีวิธีการทำนายโดยการใช้ตัวอักษรแทนสัญลักษณ์วัน, เดือน, ปี และเวลาเกิด มีอักษรจีนทั้งสิ้น
8 ตัวอักษร ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่า 八字 (แปลว่า “แปดอักษร”) เรียกอีกอย่างว่า “สี่แถว”
โดยจัดแบ่งเป็นราศีบนกับราศีล่าง เรียกว่า “กิ่งฟ้า” และ “ก้านดิน” เพียงใช้ 8 ตัวอักษรนี้
สามารถทำนายครอบคลุมบุคลิก ลักษณะ ท่าทาง นิสัยใจคอ ความร่ำรวย ยากจน รุ่งเรือง
ต่ำต้อย มีโชค ตกอับ อายุยืน อายุสั้น ครอบครัว ญาติมิตร พ่อแม่พี่น้อง สามีภรรยา
บุตรธิดา บริวาร เพื่อนฝูง สังคม เป็นต้น
|
|
ดิถี |
|
甲 |
乙 |
丙 |
丁 |
子 |
丑 |
寅 |
卯 |
ภาพตัวอย่าง “ปาจื้อ” |
ความเป็นมา
วิชา “ปาจื้อ” สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์สามารถย้อนไปถึงจางเหลียง ผู้ร่วมก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นเมื่อราว 2,000 ปีก่อน โดยท่านจางเหลียงถือว่าเป็นสุดยอดปรมาจารย์ผู้หนึ่งแห่งวิชาโหราศาสตร์จีนแต่ครั้งโบราณ ซึ่งวิชานี้มีมาก่อนยุคสมัยของจางเหลียงเป็นเวลานาน โดยเป็นไปได้ว่า “ปาจื้อ” อาจแตกสาขาออกมาจากวิชา “โป้ยก่วย” ผู้คิดค้นวิชาโป้ยก่วยคือ โจวเหวินหวาง กษัตริย์ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โจว และเป็นผู้เขียนตำรา “อี้จิง” คัมภีร์แห่งการเปลี่นแปลง อยู่ในสมัยก่อนยุคชุนชิวมีความเป็นมายาวนานกว่า 3,000 ปี วิชาโป้วยก่วยนี้ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นวิชาฮวงจุ้ยนั่นเอง ดังนั้นวิชา "ปาจื้อ" “โป้ยก่วย” “ฮวงจุ้ย” และ “อี้จิง” จึงมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไม่อาจจะแยกขาดจากกันได้ ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงวิชาใดวิชาหนึ่งมักจะต้องเกี่ยวโยงไปถึงวิชาที่เหลือด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราชญ์จีนสมัยโบราณผู้เป็นปรมาจารย์ด้านโหราศาสตร์นั้น จะเชี่ยวชาญวิชาเหล่านี้ทั้งสิ้น โดยถือว่าเป็นศาสตร์เดียวกัน
หลักการพื้นฐาน
ในปรัชญาจีนสรรพสิ่งล้วนประกอบขึ้นจากธาตุทั้ง 5 ได้แก่ ทอง, น้ำ, ไม้, ไฟ, ดิน โดยทั้ง 5 ธาตุนี้จะมีวงจรก่อเกิดพิฆาตระหว่างกัน ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างธาตุ โดยทองกำเนิดน้ำ น้ำกำเนิดไม้ ไม้กำเนิดไฟ ไฟกำเนิดดิน ดินกำเนิดทองเป็นวงจรกำเนิด ส่วนทองพิฆาตไม้ ไม้พิฆาตดิน ดินพิฆาตน้ำ น้ำพิฆาตไฟ ไฟพิฆาตทองเป็นวงจรพิฆาต
คติโบราณจีนยังเน้นระบบทวิลักษณ์ คือ ความเป็นคู่ตรงข้ามที่สอดคล้องกัน เช่น หยิน-หยาง, ชาย-หญิง, สว่าง-มืด, ฟ้า-ดิน, นอก-ใน .....เป็นต้น ดังนั้น ไม่ว่าสรรพสิ่งหรือเรื่องราวใดๆล้วนเกี่ยวข้องกับคตินิยมในเรื่องทวิลักษณ์นี้ทั้งสิ้น ดั้งนั้นธาตุทั้ง 5 ก็มีหยิน-หยางเช่นเดียวกัน โดยหยินเปรียบได้กับเพศหญิง หยางเปรียบได้กับเพศชาย
วิชา “ปาจื้อ” สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์สามารถย้อนไปถึงจางเหลียง ผู้ร่วมก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นเมื่อราว 2,000 ปีก่อน โดยท่านจางเหลียงถือว่าเป็นสุดยอดปรมาจารย์ผู้หนึ่งแห่งวิชาโหราศาสตร์จีนแต่ครั้งโบราณ ซึ่งวิชานี้มีมาก่อนยุคสมัยของจางเหลียงเป็นเวลานาน โดยเป็นไปได้ว่า “ปาจื้อ” อาจแตกสาขาออกมาจากวิชา “โป้ยก่วย” ผู้คิดค้นวิชาโป้ยก่วยคือ โจวเหวินหวาง กษัตริย์ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โจว และเป็นผู้เขียนตำรา “อี้จิง” คัมภีร์แห่งการเปลี่นแปลง อยู่ในสมัยก่อนยุคชุนชิวมีความเป็นมายาวนานกว่า 3,000 ปี วิชาโป้วยก่วยนี้ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นวิชาฮวงจุ้ยนั่นเอง ดังนั้นวิชา "ปาจื้อ" “โป้ยก่วย” “ฮวงจุ้ย” และ “อี้จิง” จึงมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไม่อาจจะแยกขาดจากกันได้ ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงวิชาใดวิชาหนึ่งมักจะต้องเกี่ยวโยงไปถึงวิชาที่เหลือด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราชญ์จีนสมัยโบราณผู้เป็นปรมาจารย์ด้านโหราศาสตร์นั้น จะเชี่ยวชาญวิชาเหล่านี้ทั้งสิ้น โดยถือว่าเป็นศาสตร์เดียวกัน
หลักการพื้นฐาน
ในปรัชญาจีนสรรพสิ่งล้วนประกอบขึ้นจากธาตุทั้ง 5 ได้แก่ ทอง, น้ำ, ไม้, ไฟ, ดิน โดยทั้ง 5 ธาตุนี้จะมีวงจรก่อเกิดพิฆาตระหว่างกัน ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างธาตุ โดยทองกำเนิดน้ำ น้ำกำเนิดไม้ ไม้กำเนิดไฟ ไฟกำเนิดดิน ดินกำเนิดทองเป็นวงจรกำเนิด ส่วนทองพิฆาตไม้ ไม้พิฆาตดิน ดินพิฆาตน้ำ น้ำพิฆาตไฟ ไฟพิฆาตทองเป็นวงจรพิฆาต
คติโบราณจีนยังเน้นระบบทวิลักษณ์ คือ ความเป็นคู่ตรงข้ามที่สอดคล้องกัน เช่น หยิน-หยาง, ชาย-หญิง, สว่าง-มืด, ฟ้า-ดิน, นอก-ใน .....เป็นต้น ดังนั้น ไม่ว่าสรรพสิ่งหรือเรื่องราวใดๆล้วนเกี่ยวข้องกับคตินิยมในเรื่องทวิลักษณ์นี้ทั้งสิ้น ดั้งนั้นธาตุทั้ง 5 ก็มีหยิน-หยางเช่นเดียวกัน โดยหยินเปรียบได้กับเพศหญิง หยางเปรียบได้กับเพศชาย